เทคนิคการสอนภาษา
การฟังและการการพูดเป็นพื้นฐานของการอ่านและการเขียนครูสามารถประเมินผลการสอนของตนเองจากเด็กได้ง่ายๆ
แนวคิดพื้นฐาน
1.ต้องรู้ธรรมชาติการเรียนรู้ของเด็ก
2.ประสบการณืทางภาษาเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
3.เชื่อว่าเด็กสามารถเรียนรู้ได้
4.เด็กจะเรียนรู้ได้ดีที่สุดถ้าสอนเเบ whole Language
5.เด็กจะเรียนรู้ได้ดีถ้าได้ตัดสินใจด้วยตนเอง
6.ให้เด็กรู้สึกว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของสังคม
7.ไม่ให้เด็กรู้สึว่าถูกเเข็งขัน
8.ครูต้องสอนทักษะไปพร้อมๆกัน
9.ทำให้การเรียนภาษาของเด็กเป็นสิ่งที่น่าสนใจ
ตัวอย่างกิจกรรมที่ส่งเสริมการพูด
- อธิบายหรือเล่าถึงภาพที่เห็น
- ทำท่าประกอบการพูด
- เล่านิทาน
- ลำดับเรื่องตามนิทาน
- เรียกชื่อตามิทาน
- เรียกชื่อและอธิบายสิ่งของ
- จำและอธิบายลักษณะสิ่งของ
- อธิบายขนาดและสีสิ่งของ
ตัวอย่างกิจกรรมส่งเสริมการพูด
- อธิบายหรือเล่าถึงภาพที่เห็น
-ทำท่าทางประกอบการพูด
-เล่านิทาน
ตัวอย่างกิจกรรมส่งเสริมการฟัง
- ฟังประกอบหุ่น
-ฟังและเเยกเสียง
-ฟังเสียงคำคล้องจอง
วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2552
วันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2552
บันทึกการเข้าเรียนวันที่ 7/01/2552
การจัดสภาพแวดล้อมควรจัดห้องเรียนให้สอดล้องกับเนื้อหาที่เราจะสอน และในการจัดห้องเรียนครจะมีการส่งเสริมภาษาให้กับเด็กโดยมีการจัดมุมต่างๆเช่น1.มุมบ้าน มุมนี้เด็กก็จะเข้ามาเล่นใบมุมนี้เเล้วมีการพูดคุยกันเหมือนการอยู่บ้าน ทำให้เด็กได้มีโอกาสในการพัฒนาภาษาของเด็กได้2.มุมหมอ มุมนี้ก็จะได้มีการเล่นบทบาทสมมติเป็นคนไข้ กับคุณหมอ ก็จะเป็นการฝึกภาษาพูดและภาษาเขียนไปในตัวเพราะการเล่นบทบาทเป็นหมอหรรือพยาบาลก็จะมีการสอบถามผูป่วย มีการนัดหมายผู้ป่วย เป็นต้น3.มุมตลาด เด็กจะได้ฝึกการสนทนาสือสารดต้อตอบระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย4.มุมจราจจร เด็กจะได้เรียนรู้สัญลักษณ์จราจรกระบวนการเรียนรู้แบบธรรมชาติตามวัยวุฒิของเด็กครูจะต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเด็กว่าเขาสามารถทำทำงานได้ พฤติกรรมการเรียนรู้ของเด็กจะเกิดขึ้นเองซึ่งครูจะต้องสังเกตุ และครูจต้องระลึกว่าธรรมชาติขิงเด็กจะเกิดขึ้นพร้อมกับความสารถในการเรียนรู้มีสมองไว้คิด และมีประสาทสัมผัทั้ง 5 เพื่อการรับรู้ ทำให้เด็กสามารถเรียนรู้เเละซึมซับสิ่งต่างๆได้เองตามธรรมชาติบทบาทของครูครูควรมีวิธีการในการเชื่อมโยงประสบการณืที่เด็กมีอยู่เดิมให้สัมพันธ์กับกิจกรรมที่จัดขึ้น เช่น การเล่าเรื่อง การเปิดโอกาสให้เด็กได้พูดคุย และครูควรหาหนังสือมาจัดไว้ที่ห้องเรียนเพื่อให้เด็กได้หยิบอ่านได้ตามความสะดวกบรรยากาศในการสอนเเนวใหม่เด็กจะเเสดงให้ครูเห็นว่า เขาต้องการเขียนสอ่งที่มีความหมาย สิ่งที่เขาอยากให้ผู้อื่นเข้าใจการเรียน ระยะเเรกจึงเป็นการที่เด็กสร้างความคิด ซึ่งเกิดจากประสบการณ์เดิมเด็กจะเขียนเส้นขยุกขยิกคล้ายตัวหนังสือ แต่ยังไม่ถูกตต้อง ครูครวส่งเสริมไม่ควรตำหนิเด็ก และให้เเก้ไขทันทีควรให้เด็กได้ฝึกสังเกตุสิ่งที่เด็กพบเห็นบ่อยๆ การสังเกตุจะช่วยให้เด็กเกิกการพัฒนาและปรับปรุงให้ถูกต้องดดยไม่เกิดความรู้สึกผิดการประเมินผลครูพิจารณาจากการสังเกตุ การบันทึก การเก็บร่องรอยทางภาษาของเด็ก ขณะทำกิจกรรมต่างๆ และสะสมชิ้นงานเป็นการประเมินการเรียนรู้จากสภาพจริง และจะมีประโยชน์ต่อการพัฒนาเด็กมากว่าการใช้เเบบทดสอบทางภาษา
บันทึกการเข้าเรียนวันที่ 19/12/2551
ลักษณะสำคัญและกิจกรรมทางภาษาแบบองค์รวมอ่าน– เขียน เน้นความเข้าใจเนื้อเรื่องมากกว่าการท่องจำตัวหนังสือผ่านการฟังนิทาน เรื่องราวสนทนาโต้ตอบ คิดวิเคราะห์ร่วมกับครูหรือผู้ใหญ่- การคาดคะเนโดยการเดาในขณะอ่าน เขียน และสะกด เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ในการเรียนรู้ภาษาธรรมชาติ โดยไม่จำเป็นต้องอ่านหรือสะกดถูกต้องทั้งหมดมีหนังสือ วัสดุสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ให้เด็กเป็นผู้เลือก เพื่อได้รับประสบการณ์ทางภาษาอย่างหลากหลาย-ครูแนะนำและสอนอ่านในกลุ่มที่ไม่ใหญ่มากโดยใช้หนังสือเล่มใหญ่ที่เห็นชัดเจนทั่วกัน ให้เด็กแบ่งกลุ่มเล็กๆผลัดกันอ่านด้วยการออกเสียงดังๆ-ครูสอนการอ่านอย่างมีความหมายด้วยความสนุกสนานในกลุ่มย่อย สอนให้รู้จักวิธีการใช้หนังสือการเปิดหนังสืออย่างถูกต้อง เปิดโอกาสให้เด็กพูดคุย ซักถามจากประสบการณ์เดิมซึ่งครูสามารถประเมินความสามารถการอ่านของเด็กแต่ละคนไปด้วยพร้อมกัน ให้เด็กแต่ละคนมีโอกาสเลือกอ่านหนังสือที่ชอบและยืมไปนั่งอ่านเงียบ ๆ-ให้เด็กได้เขียน ขีดเขี่ย วาดภาพ ถ่ายทอดสิ่งที่เรียนรู้จากประสบการณ์ ความประทับใจ อย่างอิสระ ครูตรวจสอบสภาพการเขียนของเด็กแต่ละคนโดยการให้เด็กเล่าสิ่งที่เขียนหรือวาดให้ครูฟัง โดยครูอาจแนะนำการเขียนที่ถูกต้อง เพื่อให้เด็กพัฒนาการเขียนได้ด้วยตัวเด็กเองทุกวันโดยไม่มุ่งแก้คำผิดหรือทำลายความอยากเขียนของเด็กความเชื่อมโยงภาษาพูดกับภาษาเขียนภาษาพูดกับภาษาเขียนมีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กันโดย ความรู้เกี่ยวกับคำจะเพิ่มพูนมากขึ้นเมื่อเราพูด เล่า สนทนาโต้ตอบกัน เราอ่านจากหนังสือประเภทต่าง ๆ อ่านจากป้ายในทุกหนทุกแห่งที่สนใจ จะทำให้เด็กมีโอกาสเรียนรู้เรื่องราวต่างๆไปพร้อมๆกันและช่วยให้เด็กมี ความรู้เพิ่มพูนขึ้น ทักษะการสนทนาจะพัฒนามากขึ้น ด้วยการพูดคุยกับพ่อแม่ เพื่อน ครู ในสถานการณ์หรือเรื่องราวที่มีความสัมพันธ์กับตัวเด็ก เมื่อเด็กได้รับโอกาสในการแสดงออกโดยการพูด เด็กจะได้เรียนรู้จากสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง จากสิ่งที่ผู้ใหญ่อ่านให้ฟัง ซึ่งเด็กนำไปใช้เพื่อการสื่อสาร หรือแสดงความรู้สึกนึกคิดออกมาในการดำเนินชีวิตประจำวันซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรู้ความหมายในภาษาเขียน จุดสำคัญการส่งเสริมและพัฒนาภาษาคือการที่ผู้ใหญ่อ่านหนังสือให้เด็กฟัง ในขณะที่ครูอ่านไป เด็กจะมองตามตัวหนังสือและมักจะพยายามหาความหมายไปด้วยจากภาพหรือจากตัวหนังสือ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของพฤติกรรมการรู้หนังสือ…และอาจารย์ยังได้เสริมถึงเรื่องกิจกรรมที่จะส่งเสริมให้เด็กมีการเรียนรู้ทางภาษาได้
บันทึกการเข้าเรียนวันที่ 03/12/2551
กระบวนการเรียน
บรรยากาศการเรียน มีลักษณะของการร่วมมือกันระหว่างครูและเด็กๆ ตั้งแต่การวางแผน คือ คิดด้วยกันว่าจะทำอะไร ทำเมื่อไร ทำอย่างไร จำเป็นต้องใช้วัสดุอุปกรณ์อะไร จะหาสิ่งที่ต้องการมาไดอย่างไร
การวางแผนจะมีทั้งระยะยาว( long- range plans) เพื่อวางกรอบความคิดกว้าง
การวางแผนระยะสั้น(shot- range plans) โดยเด็กและครูจะใช้ความคิดพูดคุยปรึกษากันเพื่อหารายละเอียดและขั้นตอนในการทำกิจกรรม
การฟังและพูดของเด็ก
เด็กมีโอกาสได้ยินเสียงแม่พูด แม้ว่ายังพูดไม่ได้
เด็กเกิดการเรียนรู้ภาษาพูดเพราะการสอนเด็กใหพูดนั้นเด็กจำเป็นต้องได้ยิน ได้ฟังภาษาพูดก่อน ยิ่งได้ฟังมากจะเข้าใจชัดเจนขึ้น
เด็กวัย 2-3 ขวบการพูดของแม่จะช่วยให้ลูกมีพพัฒนาการทางภาษาที่ดี การสนทนา การวักถาม เกี่ยวกับกิจวัตรประจำวันเป็นสิ่งที่จำเป็นในการส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้ในด้านการเข้าใจความหมายของภาษาจากเรื่องง่าไปหาเรื่องที่ยากและสลับซับซ้อนมากขึ้น
ภาษามีบทบาทในการสื่อสารความคิดรวมไปถึงจินตนาการ เพื่อตอบสนองความต้องการของตนได้เป็นอย่างดี
การอ่านและเขียนของเด็ก
การอ่านหนังสือให้เด็กฟังทุกวันเป็นสิ่งจำเป็นในการให้โอกาสเด็กเรียนรู้เพื่อพัฒนาการเขียน ขณะที่อ่านควรชี้นิ้วตามตัวหนังสือไปด้วย ทำให้เด็กเรียนรู้กฏเกณฑ์ทุกขั้นตอน สิ่งที่สำคัญคือ การให้เด็กเรียนรู้ที่จะเข้าใจประเด็นในเรื่องท่อ่านว่าสิ่งที่ประกอบกันขึ้นคือรวมทั้งหมดที่เป็นเนื้อหาที่นำเสนอระบบการคิดผ่านไวยากรณ์ของภาษา
ควรสนทนากับเด็กเกี่ยวกับกฏเกณฑ์ทางภาษาอย่างง่ายๆ เนื้อหาที่อ่านควรสัมพันธ์กับสิ่งๆรอบตัว และพยายามเชื่อมโยงประสบการณ์เดิมของเด็กตลอดเวลาเพื่อให้เห็นประโยชน์และความเกี่ยวพันของภาษาเขียนกับชีวิตจริง
จึงกล่าวได้ว่า การเขียน หมายถึง การสื่อสารเพื่อแสดงความคิดความรู้สึกออกมาอย่างความหมาย
การเขียนและการอ่านจะดำเนินการไปพร้อมกัน เนื่องจากการเป็นนักเขียนที่ดีนั้นต้องอาศัยการอ่านที่แตกฉานในเรื่องนั้นๆ ส่วนการฝึกฝนให้เด็กเขียนหนังสือนั้น ครูต้องตระหนักว่าการฝึกเขียรที่ให้ลอกเลียนแบบโดยเด็กไม่ได้ใช้ความคิดเเตเป็นการฝึกกล้ามเนื้อมือหรือฝึกเฉพาะความสวยงามของลายมือแตกต่างโดยสิ้นเชิงกัการเขียนที่มาจากความคิด
ภาษาที่ได้จากกาฝึกคิดและการถ่ายทอดความคิดออกมาเป็นภาษาสัญลักษณ์ คือ ตัวอัการอย่างธรรมชาติจากการฟังมากได้อ่านมาก จนสามารถถ่ายทอดเองได้ และมาฝึกฝนความถูกต้อง สวยงามภายหลัง่วนการอ่านนั้นสามารถทำได้ตลอดเวลาด้วยการอ่านจากหนังสือ ถนน สิ่งรอบตัว
ความรู้ของเด็กจะเพิ่มพูนขึ้นเมื่อเด็กได้รับโอกาสในการทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับการอ่านร่วมกับผู้ใหญ่ และกิจกรรมที่จัดให้เด็กให้อ่านเงียบๆตามลำพัง การอ่านกับเพื่อนเป็นคู่ เป็นกลุ่มย่อย เพื่ออภิปรายร่วมกัน ในการกรรับฟังและการตรวจสอบความคิดความเข้าใจซึ่งกันและกันโดยเฉพาะการอ่านจากสิ่งที่รู-เด็กเยนร่วมกัน หรือสิ่งที่เด็กเขียนขึ้นเอง
บรรยากาศการเรียน มีลักษณะของการร่วมมือกันระหว่างครูและเด็กๆ ตั้งแต่การวางแผน คือ คิดด้วยกันว่าจะทำอะไร ทำเมื่อไร ทำอย่างไร จำเป็นต้องใช้วัสดุอุปกรณ์อะไร จะหาสิ่งที่ต้องการมาไดอย่างไร
การวางแผนจะมีทั้งระยะยาว( long- range plans) เพื่อวางกรอบความคิดกว้าง
การวางแผนระยะสั้น(shot- range plans) โดยเด็กและครูจะใช้ความคิดพูดคุยปรึกษากันเพื่อหารายละเอียดและขั้นตอนในการทำกิจกรรม
การฟังและพูดของเด็ก
เด็กมีโอกาสได้ยินเสียงแม่พูด แม้ว่ายังพูดไม่ได้
เด็กเกิดการเรียนรู้ภาษาพูดเพราะการสอนเด็กใหพูดนั้นเด็กจำเป็นต้องได้ยิน ได้ฟังภาษาพูดก่อน ยิ่งได้ฟังมากจะเข้าใจชัดเจนขึ้น
เด็กวัย 2-3 ขวบการพูดของแม่จะช่วยให้ลูกมีพพัฒนาการทางภาษาที่ดี การสนทนา การวักถาม เกี่ยวกับกิจวัตรประจำวันเป็นสิ่งที่จำเป็นในการส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้ในด้านการเข้าใจความหมายของภาษาจากเรื่องง่าไปหาเรื่องที่ยากและสลับซับซ้อนมากขึ้น
ภาษามีบทบาทในการสื่อสารความคิดรวมไปถึงจินตนาการ เพื่อตอบสนองความต้องการของตนได้เป็นอย่างดี
การอ่านและเขียนของเด็ก
การอ่านหนังสือให้เด็กฟังทุกวันเป็นสิ่งจำเป็นในการให้โอกาสเด็กเรียนรู้เพื่อพัฒนาการเขียน ขณะที่อ่านควรชี้นิ้วตามตัวหนังสือไปด้วย ทำให้เด็กเรียนรู้กฏเกณฑ์ทุกขั้นตอน สิ่งที่สำคัญคือ การให้เด็กเรียนรู้ที่จะเข้าใจประเด็นในเรื่องท่อ่านว่าสิ่งที่ประกอบกันขึ้นคือรวมทั้งหมดที่เป็นเนื้อหาที่นำเสนอระบบการคิดผ่านไวยากรณ์ของภาษา
ควรสนทนากับเด็กเกี่ยวกับกฏเกณฑ์ทางภาษาอย่างง่ายๆ เนื้อหาที่อ่านควรสัมพันธ์กับสิ่งๆรอบตัว และพยายามเชื่อมโยงประสบการณ์เดิมของเด็กตลอดเวลาเพื่อให้เห็นประโยชน์และความเกี่ยวพันของภาษาเขียนกับชีวิตจริง
จึงกล่าวได้ว่า การเขียน หมายถึง การสื่อสารเพื่อแสดงความคิดความรู้สึกออกมาอย่างความหมาย
การเขียนและการอ่านจะดำเนินการไปพร้อมกัน เนื่องจากการเป็นนักเขียนที่ดีนั้นต้องอาศัยการอ่านที่แตกฉานในเรื่องนั้นๆ ส่วนการฝึกฝนให้เด็กเขียนหนังสือนั้น ครูต้องตระหนักว่าการฝึกเขียรที่ให้ลอกเลียนแบบโดยเด็กไม่ได้ใช้ความคิดเเตเป็นการฝึกกล้ามเนื้อมือหรือฝึกเฉพาะความสวยงามของลายมือแตกต่างโดยสิ้นเชิงกัการเขียนที่มาจากความคิด
ภาษาที่ได้จากกาฝึกคิดและการถ่ายทอดความคิดออกมาเป็นภาษาสัญลักษณ์ คือ ตัวอัการอย่างธรรมชาติจากการฟังมากได้อ่านมาก จนสามารถถ่ายทอดเองได้ และมาฝึกฝนความถูกต้อง สวยงามภายหลัง่วนการอ่านนั้นสามารถทำได้ตลอดเวลาด้วยการอ่านจากหนังสือ ถนน สิ่งรอบตัว
ความรู้ของเด็กจะเพิ่มพูนขึ้นเมื่อเด็กได้รับโอกาสในการทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับการอ่านร่วมกับผู้ใหญ่ และกิจกรรมที่จัดให้เด็กให้อ่านเงียบๆตามลำพัง การอ่านกับเพื่อนเป็นคู่ เป็นกลุ่มย่อย เพื่ออภิปรายร่วมกัน ในการกรรับฟังและการตรวจสอบความคิดความเข้าใจซึ่งกันและกันโดยเฉพาะการอ่านจากสิ่งที่รู-เด็กเยนร่วมกัน หรือสิ่งที่เด็กเขียนขึ้นเอง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)